“ตราไก่” ฝรั่งเศส ดีกรีแชมป์โลก 2 สมัย และแชมป์เก่า ลงสนามพบกับ “สิงโตแอตลาส” โมร็อกโก ตัวแทนจากแอฟริกา ในการแข่งขันฟุตบอลโลก “ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2022” รอบรองชนะเลิศ หรือรอบ 4 ทีมสุดท้าย ที่อัล บายต์ สเตเดียม เมืองอัลกอร์ ประเทศกาตาร์ เมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคม
สำหรับ ฝรั่งเศส ผ่านรอบแรกด้วยผลงานชนะ 2 แพ้ 1 โดยชนะ ออสเตรเลีย 4-1 ต่อด้วยชนะ เดนมาร์ก 2-1 ก่อนที่นัดสุดท้ายรอบแรกจะส่งสำรองลงไปแพ้ ตูนิเซีย 0-1 จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะโปแลนด์ 3-1 แล้วในรอบก่อนรองชนะเลิศที่ผ่านมา จะสามารถเฉือนเอาชนะ “สิงโตคำราม” อังกฤษ 2-1 เข้ามาถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายได้
ส่วนทาง โมร็อกโก ยังไม่แพ้เลยในทัวร์นาเมนต์นี้ รอบแรกชนะ 2 เสมอ 1 เริ่มจากเสมอ โครเอเชีย 0-0 แล้วชนะ เบลเยียม 2-0, ชนะ แคนาดา 2-1 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ ไปดวลจุดโทษชนะ “กระทิงดุ” สเปน ในรอบ 16 ทีม และยังเฉือนชนะ โปรตุเกส 1-0 เข้ารอบตัดเชือก โดยเสียแค่ประตูเดียวจากการทำเข้าประตูตัวเองอีกด้วย
สถิติก่อนหน้านี้ของทั้งสองทีมเคยเจอกันในเกมอุ่นเครื่องมาทั้งหมด 4 ครั้ง ปรากฏว่า ฝรั่งเศสเอาชนะไปได้ 2 ครั้ง และเสมอกันอีก 2 ครั้ง โดยล่าสุดเจอกันเมื่อปี 2007 เสมอกันไป 2-2
เกมนี้ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือฝรั่งเศส จัดทัพผู้เล่นตัวจริงลงสนามในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู อูโก้ โยริส, กองหลัง ฌูลส์ คุนเด้, ราฟาเอล วาราน, อิบราฮิม่า โคนาเต้, ธีโอ เอร์นานเดซ, กองกลาง ออเรเรียง ชูอาเมนี่, ยุสซุฟ โฟฟาน่า, แนวรุก อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีเลียง เอ็มบัปเป้ และกองหน้าตัวเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
ขณะที่ วาลิด เรกรากุย เฮดโค้ชทีมโมร็อกโก จัดทีมตัวจริงในระบบ 5-4-1 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ยาสซีน บูนู, กองหลัง อาชราฟ ฮาคิมี่, จาหวัด เอล ยามิค, อาชราฟ ดารี, โรแม็ง ซาอิสส์(กัปตัน), นูส์แซร์ มาซราอุย, กองกลาง โซเฟียน บูฟาล, ซเฟียน อัมราบัต, อัซเซดีน โออูนาฮี, ฮาคิม ซิเย็ช และกองหน้าตัวความหวัง ยูสเซฟ เอ็น-เนซีรี่
เกมครึ่งแรกเริ่มต้นได้ 5 นาที ฝรั่งเศสพังประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ อองตวน กรีซมันน์ แทงบอลให้ คีเลียง เอ็มบัปเป้ หาช่องซัดบอลไปติดบล็อกแนวรับโมร็อกโกก่อนทะลักไปเข้าทางของ ธีโอ เอร์นานเดซ ที่เติมเกมรุกขึ้นมากระโดดลอยตัวฟาดบอลด้วยเท้าซ้ายส่งบอลเบียนดเสาแรกเข้าไปตุงตาข่าย และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเป็นทางโมร็อกโก้พยายามครองบอลบุกมากกว่าหวังทวงประตูตีเสมอ ขณะที่ฝรั่งเศสเน้นเล่นเกมรับเหนียวเน้น และอาศัยจังหวะโต้กลับเร็วบุกสวนขึ้นมา จนกระทั่งนาทีที่ 79 ฝรั่งเศสขยับสกอร์หนีห่างเป็น 2-0 คีเลียง เอ็มบัปเป้ แหวกบอลหนี 5 นักเตะโมร็อกโกแล้วยิงบอลแฉลบไปเข้าทางของ ร็องดาล โคโล มูอานี่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามมาสัมผัสแรกยิงเข้าไป
จบเกม ฝรั่งเศส เอาชนะ โมร็อกโก 2-0 ทำให้ฝรั่งเศสทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ได้เป็นครั้งที่ 4 และเป็นการเข้าชิง 2 ครั้งติดต่อกัน พร้อมลุ้นป้องกันแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันได้เป็นทีมที่ 3 ต่อจาก อิตาลี (ปี 1934, 1938) และบราซิล (ปี 1958, 1962)
สำหรับในรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 “ตราไก่” ฝรั่งเศส จะลงสนามพบกับ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา ที่ลูซาอิล สเตเดียม เมืองอัลดาเยน ในคืนวันที่ 18 ธันวาคม เวลา 22.00 น. ส่วนรอบชิงอันดับ 3 “สิงโตแอตลาส” โมร็อกโก จะลงสนามพบกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดียม เมืองอาร์-เรย์ยาน ในคืนวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 22.00 น.
สนับสนุนโดย Line : @Gamemun